→สวัสดีครับ วันนี้เป็นการอัพเดท blog ในรอบหลายเดือน ต้องขออภัยด้วยนะครับ แต่ไหนๆกลับมาอัพเดทซักทีนึงขอเป็นบทความเชิงลึกและ Technical สักหน่อยนะครับ ซึ่งสิ่งที่ผมจะพูดถึงในวันนี้คือ “ความแตกต่างระหว่าง Maximize click และ maximize conversion ว่า ตัวไหนดีกว่ากันครับ“
ในการทำ Google ads ไม่ว่าจะเป็น Campaign หรือ Account รูปแบบไหนก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไม่สามารถหาคำตอบได้ตายตัวคือ การเลือกใช้ Bid strategy สำหรับ Campaign ของเรา
Credit :ออกแบบแบนเนอร์โดย BEP
ปัจจุบันใน Google Ads นั้นมี Bid strategy ให้เราเลือกใช้มากมาย ซึ่งจะแบ่งประเภทตามเป้าหมายของ Campaign ที่เรากำลังทำ เช่นหากเราต้องการที่จะเน้นการคลิกเข้าเว็บไซต์เราสามารถใช้ “Maximize click” ได้ หรือหากเราต้องการเน้นยอดขายโดยที่ campaign เรามี ROI (return on investment) หรือ ROAS (return on ad spend) ที่ดีเราสามารถเลือกใช้ “Maximize conversion value” ได้
แต่สำหรับ SME หรือบริษัททั่วไปที่มีเว็บไซต์ซึ่งเน้นการให้คนเข้าเว็บไซต์แล้วติดต่อผ่าน Line หรือ Admin เป็นหลักนั้น สิ่งที่มือยิงแอดทั้งหลายจะต้องตัดสินใจคือ Bid strategy นี่แหละครับ ว่าจะเลือกอันไหนดีให้มีคนทักเข้ามาที่บริษัทมากที่สุด
ดังนั้นก่อนที่เราจะฟันธงว่าอะไรดีกว่ากันเรามาทำความเข้าใจการทำงานของแต่ละส่วนกันก่อนครับ
– Maximize Click ทำงานอย่างไร
Maximize click ก็ตรงๆตามชื่อเลยครับ คือการเพิ่มคลิกให้มากที่สุดตามงบประมาณที่เรามี
Q : แล้ว Google จะตั้งบิดสูงสุดที่เท่าไรให้กับเรา ?
ในจุดนี้ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันบิดให้เท่าไรแต่สิ่งที่ผมสังเกตมาคือ Google จะพยายามบิดให้เราอยู่ประมาณอันดับที่สองบนการค้นหา ซึ่งการบิดอันดับที่สองหมายความว่า Google พยายามที่จะบิดให้เราไม่มากเกินไปแต่ยังพอชนะคู่แข่งอยู่บ้างดังนั้นจึงส่งผลให้โฆษณาของเราอันดับที่สองหรือสามครับ
จากข้อมูล heatmap เรื่อง CTR ของอันดับโฆษณา Google Ads ของ MOZ จะเห็นว่า Sponsored link #2 มีการอ่านสูงที่สุดจาก heatmap ซึ่งนั่นหมายความว่ามีโอกาสที่คลิกมากที่สุดนั่นเองครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นอันดับการแสดงผลจะขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่อง quality score ด้วยนะครับ
ยกตัวอย่างแบบเข้าใจง่าย : เรามีการตั้ง Daily budget ว่า 800บาท ต่อวัน พร้อมกับ bid Strategy เป็น Maximize click Google จะพยายาม Optimize Campaign ให้เราได้คลิกมากที่สุดในงบ 800บาท ซึ่งโฆษณาของเราอาจจะแสดงผลที่อันดับที่สองเป็นหลักครับ
นอกจากนี้หากเรามี Budget จำกัดเราสามารถตั้ง Limit ไว้ให้ Campaign ได้นะครับว่าควรบิดไม่เกินเท่าไร (หาก Limit เราต่ำเกินไปโฆษณาเราอาจจะโชว์น้อยลงนะครับ)
– Maximize Conversion ทำงานอย่างไร
ส่วน Maximize conversion นั้นจะทำงานต่างออกไปและจะลึกกว่าครับ เพราะ Max con นั้นจะเน้นให้เกิด Action บนหน้าเว็บไซต์ด้วย
สมมติ ในหน้าเว็บเรามีการให้คนทักแชทเข้ามาที่ทางไลน์
การที่เราตั้ง Bid strategy เป็น Maximize conversion นั้นนอกจากจะเน้นให้คนเข้าเว็บไซต์แล้วยังจะต้องเป็นคนที่มีความสนใจที่อยากจะทักและติดต่อเข้าที่ไลน์อีกด้วยครับ
Q : แล้ว Google รู้ได้อย่างไรว่าคนนี้คือคนที่ใช่ ???
เท่าที่เข้าใจ (ไม่ได้ 100% นะครับเพราะทาง Google ไม่ได้แชร์ข้อมูลในตรงนี้ไว้ แต่ถ้าหากใครรู้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถมาแชร์กันได้ครับ) ทาง Google น่าจะคลังข้อมูลอย่างมหาศาลพร้อมกับระบบ AI ที่คอยจัดกลุ่มคนซึ่งในเชิงระบบอาจจะแบ่งแยกเป็น Value shopper / Luxury buyer / IT enthuiast …. พอจะคุ้นคำเหล่านี้มั้ยครับ
หากใครเคยเปิด GDN หรือ Youtube ad น่าจะคุ้นเคยชื่อ Audience ประมาณนี้ครับ เพราะมันอยู่ในหมวด Affinity กับ In-market นั่นเองครับ
credit : https://www.komli.com/blog-data-is-the-difference.htm
นอกจากนี้ Maximize conversion จะใช้ระบบการจัด Bid ที่เหมาะสมซึ่งจะเน้นการดูเป็นแบบ Realtime เพื่อให้โฆษณาสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุดครับ
อย่าง Maximize click มีการตั้ง Limit ของ Bid ที่ใช้ ใน Maximize conversion ก็มีการตั้ง Limit เหมือนกันครับแต่จะอยู่ในรูปแบบของ Cost / conversion (Target CPA เดิมนั่นเองจากการรวมร่างกับของ bid strategy)
สิ่งที่ผมเจอจากการลองใช้ Maximize conversion :
จากที่ได้ลองใช้ดูกับ Campaign ที่ทำอยู่ สิ่งที่เห็นชัดคือจำนวน Click จะลดลงประมาณนึงครับ ซึ่งผมคิดว่าการที่จำนวนคลิกลดลงแต่เราได้ action ที่อยู่ในเว็บไซต์มากขึ้นน่าดีกับภาพรวมของธุรกิจมากกว่านะครับ เพราะไหนๆเราจะเสียเงินให้คนคลิกโฆษณาเราเข้ามาแล้ว อย่างน้อยๆก็ขอให้เป็นคนที่มีโอกาสติดต่อเราเข้ามาหลังบ้านน่าจะดีกว่าคลิกเข้ามาเฉยๆครับ
คำถามสำคัญกลับมา… แล้วตัวไหนดีกว่ากัน
ในความเห็นของผม การคนที่เคยทำ Google Ads หน้าตาเดิม (Google Adwords) มาก่อนผมแอบเชียร์ให้ใช้ Maximize conversion มากกว่านะครับ เพราะว่าปัจจุบัน Digital marketing กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการทำการตลาดไปแล้ว ซึ่งไม่ว่าจะ SME หรือ Corporate ก็มักจะมีเว็บไซต์และต้องการให้เว็บไซต์เป็นหนึ่งในช่องทางการหาลูกค้า ซึ่งหมายความว่าจะต้องมี action อะไรซักอย่างที่ต้องให้เกิดขึ้นเมื่อมีคนเข้าเว็บไซต์
นอกจากนี้จากการรวม Function ของ Target CPA เข้าไปที่ทำให้เราสามารถตั้ง Cost / conversion กับ Campaign เราได้ด้วยแล้วทำให้เราสามารถรีด Performance ได้อย่างเต็มที่ และทำให้เราสามารถ Optimize CaC หรือ customer acquisition cost ได้อีกด้วยครับ
ดังนั้นไหนๆเราจะเสียค่าโฆษณาแล้วเมื่อมีคนคลิกเข้ามา การที่เราใช้ Maximize conversion ถึงแม้เราจะได้ Click น้อยลงแต่อย่างน้อยมันน่าจะเป็น Quality click ซึ่งน่าจะตอบโจทย์กับธุรกิจในภาพใหญ่มากกว่าครับ
หากสนใจเรียน Google Ads เพื่อนำไปทำเองสามารถติดต่อได้ที่ Link : https://techdimension.co/course-google-ads/
สนใจจ้างทำ Google Ads คลิก → รับทำ Google Ads